ก่อสร้างอสังหาฯ มีอะไรบ้าง
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงมากอีกธุรกิจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าการตลาด และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย เงินลงทุนเหล่านี้จะกลับกลายมาเป็นต้นทุนภายในของกิจการที่ตัวธุรกิจต้องหารายได้กลับคืนมา สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีเงินสดเหลือในธุรกิจมาก (รายใหญ่) อาจจะไม่ประสบปัญหามากเท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยแล้วอาจจะมีสัดส่วนการกู้เงินจากสถาบันการเงินค่อนข้างมาก การมีเงินสดหมุนเวียนเข้ามาในระบบไม่เพียงพออาจจะทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักลงได้ ในยามที่วัฐจักรอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟูทำอะไรก็ทำขึ้นไปหมด แต่ในยามที่อยู่ในวัฐจักรขาลงทำอย่างไรยอดขายก็ไม่ขึ้น ต้องแข่งกันที่สายป่านว่าใครยาวกัน ใครมีเงินสดมากก็จะสามารถอยู่รอดได้ ในบทความนี้ TerraBKK จะพูดถึง “งานก่อสร้าง” ซึ่งเป็นต้นทุนที่มีสัดส่วนค่อนข้างมากที่สุด งานก่อสร้างสามารถแบ่งได้เป็น 3 งานหลัก ได้แก่
1. งานโครงสร้าง
งานโครงสร้าง เป็นงานแรกเริ่มของงานก่อสร้างและเป็นงานที่ควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากโครงสร้างเป็นส่วนที่ต้องรับน้ำหนักและแรงทั้งหมดของตัวอาคาร ถ้าหากงานโครงสร้างไม่มีความแข็งแรงก็อาจจะเป็นอันตรายทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดอันตรายได้ จากความซับซ้อนและน้ำหนักของอาคารแต่ละหลังที่มีน้ำหนักมากทำให้การแก้ไขงานโครงสร้างจะเป็นต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญการและต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการทำงานส่งผลถึงต้นทุนที่ค่อนข้างสูง งานโครงสร้างของบ้านอาจแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ
- โครงสร้างของฐานราก
- โครงสร้างของเสาและคาน
- โครงสร้างของพื้นและบันได
- โครงสร้างของหลังคา
งานโครงสร้างมีทั้งโครงสร้างที่ทำด้วยไม้ ทำด้วยเหล็ก และทำด้วยคอนกรีต ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะของโครงการนั้นๆ ถ้าโครงสร้างเสียหายก็ต้องซ้อมแซมเป็นกรณีๆไปหรือก็รื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ โครงสร้างของอาคารจึงต้องก่อสร้างให้ได้มาตรฐานทั้งการใช้วัสดุและระยะการก่อสร้างที่ละเอียดรอบคอบ
2. งานสถาปัตยกรรม (Architect)
งานสถาปัตยกรรม เป็นส่วนงานที่เป็นหัวใจสำคัญอีกด้านหนึ่งเพราะเป็นงานที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการออกแบบ ตกแต่งให้อสังหาริมทรัพย์ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นและสามารถตอบโจทย์แนวคิดของโครงการการให้ออกมาได้มากที่สุด งานสถาปัตยกรรมเป็นการก่อสร้างให้เกิดความสวยงามและคำนึงถึงประโยชน์ในเรื่องของการใช้สอยให้มากที่สุด ซึ่งจะมีลักษณะงานที่แยกออกจากงานโครงสร้างชัดเจน งานสถาปัตยกรรมได้แก่ งานติดตั้งประตู หน้าต่าง กระจก งานทาสี โทนต่างๆ รวมถึงการติดตั้งวัสดุต่างๆให้เกิดความสวยงามงานสถาปัตยกรรมจะเป็นงานส่วนที่ผู้เข้ามาใช้อาคารเข้ามาสัมผัสได้มากที่สุด
3. งานระบบ
งานระบบ เป็นงานที่ค่อนข้างละเอียดเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับ ระบบไฟ ระบบประปา ระบบปรับอากาศ ระบบน้ำ ซึ่งงานเหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อนมากและด้วยความที่มีหลายระบบทำให้โครงสร้างงานระบบต่างๆต้องถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยต้องระบุตำแหน่งของงานระบบว่าจุดไหนต้องมีหลอดไฟ ต้องมีท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำดี ระบบปรับอากาศจะต้องส่งจากไหนไปไหน และต้องลงตรงไหน คนที่ทำงานส่วนนี้ต้องมีความเข้าใจและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เพื่อให้การก่อสร้าง การเดินท่อ เดินสายไฟต่างๆ ถูกต้องแม่นยำ สอดรับกับงานโครงสร้างต่างๆ
จะเห็นได้ว่า งานก่อสร้างแต่ละส่วนต่างมีรูปแบบงานที่แตกต่างกันออกไปและแต่ละงานก็ต้องใช้ความชำนาญคนละส่วนกัน ถ้าเราเปรียบเทียบต้นทุนค่าก่อสร้างของงานทั้ง 3 แล้วจะพบว่า ถ้าเป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ กฎหมายควบคุมอาคารจะมีข้อกำหนดต่างๆเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น ต้องเพิ่มระบบดับเพลิง ระบบลิฟท์ รวมถึงระบบอื่นๆที่ต้องเพิ่มตามข้อกำหนดทำให้ต้นทุนในฝั่งของงานระบบจะเพิ่มสูงขึ้น ถ้าเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury กับ ระดับกลางธรรมดา แน่นอนต้นทุนค่างานสถาปัตยกรรมของ Super Luxury ต้องสูงมากกว่าคอนโดระดับธรรมดาแน่นนอนไม่ว่าจะเป็น พื้น กระจก ประตู รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะโชว์ถึงความหรูหรา ดูดี ส่วนอาคารสูงกับอาคารเตี้ยต้นทุนงานโครงสร้างก็ต้องต่างกันอาคารสูงโครงสร้างอาคารต้องออกแบบให้สามารถรับแรงได้ดีกว่าอาคารเตี้ยเพราะฉะนั้นฐานรากรวมถึง เสา คาน ต่างๆ ก็ต้องถูกออกแบบมาให้แข็งแรงมากกว่า สัดส่วนต้นทุนด้านโครงสร้างของอาคารสูงจะมากกว่าอาคารเตี้ยทั่วไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com