วัสดุก่อสร้างปรับทัพ เร่งเครื่องกันพลาดเป้า
หนึ่งในปัจจัยลบจากสภาพดินฟ้าอากาศคือปริมาณน้ำฝนนั้นมีมากกว่าปกติ ส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในปีนี้ต้องชะลอออกไปเป็นช่วงปลายปี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่งานก่อสร้างของภาครัฐจะออกมามากขึ้น ทำให้ภาพรวมความต้องการวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวได้ โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้บรรดาผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างยังต้องปรับตัว
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือเอสซีจี ประเมินภาพรวมของตลาดปูนซีเมนต์ในครึ่งปีหลังนั้นยังค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้น จึงคาดว่าการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งปีจะเติบโตได้เพียง 1% แต่ก็ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อยหากเทียบกับปีก่อนที่ปริมาณการใช้งานนั้นไม่เติบโต โดยงานก่อสร้างในครึ่งปีหลังโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีมูลค่ามากถึง 1.7 ล้านล้านบาท จะเป็นหัวหอกสำคัญ
“ตลาดรวมปูนซีเมนต์ในปีนี้มีปริมาณอยู่ที่ 40 ล้านตัน ซึ่งเอสซีจีผลิตเพื่อขายในประเทศอยู่ที่ 16 ล้านตัน ส่งออกต่างประเทศ 4-4.5 ล้านตัน/ปี ซึ่งปัจจุบันตลาดปูนซีเมนต์ในไทยเติบโตเฉพาะงานก่อสร้างของภาครัฐเท่านั้น ส่วนงานภาคเอกชนยังหดตัว แต่ก็เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ขณะที่ตลาดวัสดุก่อสร้างเดิมประเมินว่าจะเติบโตได้ 3-5% ซึ่งยัง ต้องประเมินอีกครั้งว่าจะเติบโตได้ตามที่วางไว้หรือไม่” รุ่งโรจน์ ย้ำ
ศิวะ มหาสันทนะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง ประเมินว่าภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างปีนี้ยังคงทรงตัว เนื่องจากการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังมีความไม่แน่นอน โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่บ่งชี้ว่า ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศมีปริมาณการใช้ 18 ล้านตันในช่วง ครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว และจะยังคงทรงตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งปี 2559 จะเติบโตอยู่ที่ 2-3%
การลงทุนของรัฐบาลยังไม่ได้กระตุ้นความต้องการปริมาณการใช้คอนกรีตในครึ่งปีแรก มีเพียงโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลในโครงการต่างจังหวัดที่ได้งบประมาณ 5 ล้านบาท/ตำบลที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วงเดือน ม.ค.ถึงต้นเดือน เม.ย. และยังส่งผลเชิงบวกต่อยอดขายคอนกรีตผสมเสร็จ โดยเฉพาะวัสดุสำหรับใช้ถม”
อย่างไรก็ตาม จากสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง แนวทางการบริหารงานที่ต้องทำต่อเนื่องในปีนี้คือ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ด้านการบริหารจัดการโรงงาน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต การเพิ่มความสามารถในการต่อรองราคาวัตถุดิบ ซึ่งเวลานี้ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินและราคาค่าไฟฟ้าที่ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจซีเมนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าธุรกิจปูนซีเมนต์ในอนาคตอันใกล้จะยังขยายตัวได้ดี หลังจากเดินขยายการลงทุนในระดับภูมิภาคที่ก่อนนี้บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทในประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการบริษัท เซเม็กซ์ ซีเมนต์ (บังกลาเทศ) และบริษัท เซเม็กซ์ (ประเทศไทย) ส่วนธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จและอะกรีเกต ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท นครหลวงคอนกรีต ภายใต้ชื่อ อินทรีคอนกรีต และ อินทรีอะกรีเกต ปูนซีเมนต์ประเภทเรดดี้มิกซ์ หรือปูนผสมเสร็จนั้นได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคา
ด้านผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา แบรนด์อินทรีซุปเปอร์บล๊อก มียอดขายเพิ่มขึ้นในอัตรา 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเน้นขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทับหลังสำเร็จรูปและผนังสำเร็จรูปเสริมแรงที่มีน้ำหนักเบา ส่วนผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้สำหรับตกแต่ง ภายใต้ชื่อ คอนวูด ได้ออกกลยุทธ์ขยายช่องทางและโอกาสทางธุรกิจ โดยเน้นการทำการตลาดทั้งในประเทศและในภูมิภาคเอเชียผ่านสถาปนิกและผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และตะวันออกกลาง
โพสต์ทูเดย์