ธอส.ปล่อยกู้โครงการบ้านรับสังคมสูงวัยดอกเบี้ยกู้ 3.50%
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จะต้องเป็นตัวนำในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่รองรับการดูแลสังคมสูงอายุ (Aging Society) ทั้งด้านสินเชื่อ และการทำ Reverse Mortgage ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) ก็สามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน
"ขณะที่ Reverse Mortgage ทางแบงก์รัฐอาจจะต้องเป็นตัวนำ ปัจจุบันธนาคารออมสินสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อาจจะ ติดปัญหาข้อกฎหมาย โดย Reverse Mortgage ไม่ใช่สินเชื่อ แต่จะคล้าย ๆ กับให้ผู้สูงอายุนำบ้านมาจำนองไว้กับแบงก์ แล้วรับเงินรายเดือนไป ซึ่งพอเสียชีวิตก็ทำได้ 2 แบบ คือ ให้ญาติพี่น้องมาซื้อบ้าน คืนไป หรือแบงก์นำไปขาย ถ้ามีเงินเหลือก็คืนทายาทไป" นายสมชัยกล่าว
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในระยะแรก ธอส.คงเข้าไปสนับสนุนนโยบายการดูแลสังคมสูงอายุ โดยจะมีทั้งสินเชื่อโครงการ และสินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อย ซึ่งธนาคารได้เตรียมไว้บ้างแล้ว ส่วนการดำเนินการในรูปแบบ Reverse Mortgage นั้น ทาง ธอส.ยังดำเนินการไม่ได้ เพราะเคยมีการตีความไว้ว่าอยู่นอกเหนือขอบเขตการทำธุรกรรมของ ธอส. แต่ขณะนี้ได้ทำการแก้กฎหมายและเสนอต่อกระทรวงการคลังแล้ว
"Reverse Mortgage เรายังทำไม่ได้เต็มรูปแบบ" นายฉัตรชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ธอส.เตรียมออก "โครงการบ้าน ธอส.เพื่อผู้สูงอายุ" โดยปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้ไปซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ต่อเติม/ซ่อมแซม หรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป คือ ปีที่ 1-4 จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ MRR-3.25% ต่อปี หรือจะเท่ากับ 3.50% ต่อปี ในปัจจุบัน (อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย ชั้นดี หรือ MRR ปัจจุบันเท่ากับ 6.75%) ซึ่งจะเปิดให้ยื่นกู้ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2559
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในการประชุมเรื่องสังคมสูงอายุ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน และการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการโครงการพิเศษสำหรับคนชราด้วย ซึ่งในส่วนของแบงก์รัฐก็ต้องไปคิดผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุออกมา
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ