สร้างบ้าน ประหยัด ให้ถูกทาง
1. ฐานรากของบ้าน เป็นสิ่งแรกที่ไม่ควรลดสเปกในการ สร้างบ้าน โดยเด็ดขาดเพราะว่า เสาเข็ม, เหล็กโครงสร้าง หรือคอนกรีต ควรใช้ตามที่วิศวกรเป็นผู้กำหนด อย่าไปลดขนาดหรือลดจำนวนโดยพละการ มิฉะนั้นปัญหาที่เกิดอาจจะร้ายแรงจนเราคาดไม่ถึง เพราะการก่อสร้างต้องมีการคำนวณโดยวิศวกรอาชีพ ที่มีใบประกอบวิชาชีพรับรองเท่านั้น
2.ผนังบ้าน การเลือกใช้ผนังในการ สร้างบ้าน โดยทั่วไป มักจะใช้ผนังก่ออิฐ ฉาบปูน ส่วนอิฐที่เลือกใช้นั้นก็มีชนิดที่แตกต่างกันไป เช่น อิฐบล็อกซีเมนต์, อิฐมอญ , อิฐมวลเบา ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญ การเลือกวัสดุมาทำผนังต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบและความต้องการของผู้อยู่อาศัยด้วยว่ามีงบประมาณแค่ไหน และร้อนมากน้อยเพียงใด ซึ่งการลดวัสดุลงก็มีผลต่อราคาการก่อสร้างด้วย จึงต้องเลือกผนังให้เหมาะกับงบประมาณเป็นหลัก
3.ระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้ามักเป็นจำเลยที่ 1 เสมอ เวลาเกิดอัคคีภัย ดังนั้นควรใช้สายไฟฟ้าที่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม เลือกขนาดของสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน ต้องมีการติดตั้งสายดินภายในบ้านทุกหลัง และที่สำคัญถ้ามีงบประมาณเหลือ ระบบควบคุมไฟฟ้าลัดวงจรหรือรั่ว ก็ควรติดไว้เพื่อความสบายใจอย่างทางการเดินสายไฟฟ้าในผนังต้องร้อยด้วยท่อหรือมีฉนวนหุ้มทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และแก้ไขไม่ทัน
4.ระบบประปา สิ่งที่ต้องคำนึงถึงการเดินระบบท่อน้ำภายในบ้าน ก็คือคุณภาพของท่อน้ำที่ต้องได้มาตรฐานและมีความหนาที่เหมาะกับแรงดันที่ใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันด้วยคุณสมบัติและวัสดุท่อ PE น่าจะเหมาะสมที่สุด ลองคิดดูซิว่าถ้ามีท่อน้ำไม่ได้มาตรฐานอยู่ใต้พื้นบ้านจนเกิดอาการรั่วซึม แล้วต้องทุบรื้อพื้นเพื่อลงไปซ่อมท่อน้ำที่แตกจะเสียหายเท่าไร ดังนั้นการเลือกท่อน้ำที่ได้มาตรฐานต้องดูที่การรับแรงดันของน้ำภายในท่อ และการเดินท่อต้องตรวจดูรอยต่อให้ดีก่อน การก่อผนังหรือเทพื้นทับท่อน้ำ
5.หลังคาบ้าน หลังคาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มักจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการ สร้างบ้าน เสมอๆ ทั้งเรื่องการรั่วซึม อายุการใช้งาน หรือคุณภาพของหลังคา แต่การที่เราจะรื้อหรือเปลี่ยนหลังคาแต่ละครั้งเป็นเรื่องใหญ่มาก ฉะนั้นการเลือกชนิดของหลังคาเป็นสิ่งจำเป็นมากในการสร้างหรือปรับปรุงบ้าน ควรเลือกที่มีอายุการใช้งานและมีคุณภาพที่ดี มีการซ้อนทับอย่างมีระบบ และที่สำคัญการมุงหลังคานั้น ควรที่จะใช้ช่างหรือทีมงานผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะในเรื่องของการมุงหลังคา ถึงจะเสียเงินมากหน่อยแต่ลดปัญหาน้ำรั่วซึม ที่มีผลกระทบมากมาย ผมคิดว่าคุ้มแสนคุ้มนะครับ
6.สีทาบ้าน สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่างคือ เรื่องสีทาบ้าน เพราะค่าแรงการทาสีแต่ละครั้งค่าแรงสูงมาก ถ้าเราใช้สีที่มีคุณภาพต่ำ ทาไปไม่กี่ปีสีก็เริ่มลอกไม่สวยงามก็ต้องเสียค่าทาสีกันใหม่ ซึ่งปัจจุบันผมแนะนำให้ใช้ สีที่เป็นอะคริลิก 100% เป็นหลัก แต่จะเลือกคุณสมบัติหรือมีออปชั่นอะไรเพิ่มเติมก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ในกระเป๋าของคุณว่าหนาแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ควรเลือกอายุการใช้งานของสี ที่ไม่ต่ำกว่า 5 ปีนะครับ
7. อุปกรณ์ช่วยประหยัดพลังงาน สิ่งนี้ผมขอเรียกว่าเป็นการลงทุนดีกว่าครับ เพราะบางครั้ง สิ่งที่เราเสียเงินไป เราอาจจะไม่เห็นทันทีทันใดว่าสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าของเราได้ในทันที แต่ประโยชน์ของมันจะแสดงให้เราเห็นเมื่อเราอยู่อาศัยในบ้านไปในระยะเวลาหนึ่ง เช่น ฉนวนกันความร้อนใต้ฝ้าเพดาน การเลือกใช้แผ่นฝ้าเพดาน หรือผนังที่เป็นฉนวน การใช้ประตูหน้าต่างแบบ 2 ชั้น หรือแม้กระทั่งการใช้หลอดไฟฟ้าแบบตะเกียบ ซึ่งเป็นการลงทุนที่เห็นผลในระยะยาว ลองชั่งน้ำหนักดูนะครับว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
8. อุปกรณ์ป้องกันภัย เป็นสิ่งที่ต้องมีไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมือง เช่น เหล็กดัด, มุ้งลวด, กล้องวงจรปิด, ระบบสัณญาณกันขโมย , ระบบเตือนอัคคีภัย,ระบบสปริงเกอร์หรือหัวฉีดน้ำสำหรับสำหรับอาคารสูง, ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเราในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทั้งป้องกันและช่วยเหลือเรา เราควรพิจารณาในส่วนนี้ให้เหมาะสมด้วยในการสร้างหรือตกแต่งบ้านในสภาวะปัจจุบัน
9.การใช้ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ ดูเหมือนเป็นการสิ้นเปลืองเพราะต้องเสียเงินในการจ้างสถาปนิก หรือมัณฑนากร ในการออกแบบ แต่สิ่งที่ได้คือการคิดหรือการออกแบบที่เป็นระบบ การเลือกใช้วัสดุที่ถูกต้องและมีคุณภาพในการก่อสร้างและตกแต่ง การออกแบบหรือกำหนดขนาดเพื่อให้เหมาะสมกับวัสดุ ช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาในการก่อสร้างหรืองานตกแต่ง แต่ที่สำคัญต้องตรวจสอบดูว่าสถาปนิก หรือมัณฑนากรที่เลือกใช้มีความถนัดหรือชำนาญ ในงานที่ตรงกับเราหรือไม่และสามารถสื่อสารความต้องการของเราได้อย่างถูกต้อง และตรงกับใจของเราด้วย
10. เลือกผู้รับเหมาในการทำงาน ปัญหาใหญ่ของการสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้าน ก็คือการเลือกผู้รับเหมาที่จะมาทำงาน ดังนั้นต้องตรวจสอบดูว่า ผู้รับเหมาที่มาทำงานมีความรู้ความสามารถเช่นไร เหมาะกับงานที่จะทำแค่ไหน และควรดูผลงานที่เคยทำมาก่อนควบคู่กันไปด้วย อย่าดูที่ราคาอย่างเดียวเพราะการตัดราคาของช่างนั้นมักจะนำสู่ความหายนะเสมอ ทั้งเรื่องคุณภาพของงานหรือการทิ้งไปดื้อๆ เพราะเงินช่วงนี้ยิ่งหายากๆ อยู่ ถ้าโดนทิ้งงานไปอีกละก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัดนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก พีดีเฮาส์